บาคาร่าเป็นหนึ่งในเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคาสิโนออนไลน์ในปัจจุบัน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเรื่องราวที่น่าสนใจของเกมนี้ ในบทความนี้จะสอดแนมถึงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของบาคาร่าและอธิบายว่าเกมดังกล่าวเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างไรทั่วโลก
ประวัติศาสตร์ของบาคาร่า
ที่มาของบาคาร่า: ความเชื่อกันของการเริ่มต้นบาคาร่ามีหลายทฤษฎี บางคนเชื่อว่ามีต้นกำเนิดในฝรั่งเศส บางคนเชื่อว่ามีต้นกำเนิดในโรม แต่เรื่องราวที่มีเอกลักษณ์และได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอิตาลี
Falguiere สร้างเกมและตั้งชื่อว่า “baccara” ในภาษาอิตาลีหมายถึง “ศูนย์” เพราะในไพ่บนหน้ามีค่าเป็นศูนย์
บาคาร่าแพร่กระจายไปยังฝรั่งเศสและได้รับการสะกดว่า “บาคาร่า” ภาษาฝรั่งเศสได้กลายเป็นบรรทัดฐานในยุโรป
โครงสร้างการเล่นและการเดิมพันในบาคาร่า
เกมบาคาร่ามีโครงสร้างการเล่นที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยผู้เล่นสองคนที่เรียกว่า “ผู้เล่น” (Player) และ “แบงค์เกอร์” (Banker) และมีตัวแทนสำหรับการเดิมพันที่เรียกว่า “ตัวเอง” (Tie) ซึ่งเป็นทางเลือกเสริมที่ผู้เล่นสามารถเลือกเดิมพันได้เมื่อเกิดเหตุการณ์เสมอกันระหว่างผู้เล่นและแบงค์เกอร์
การเล่นเกมบาคาร่ามีกระบวนการง่ายๆ ดังนี้:
ผู้เล่นและแบงค์เกอร์จะได้รับไพ่ 2 ใบทั้งคู่ ถ้ามีผู้เล่นหรือแบงค์เกอร์ได้ไพ่เพิ่มหรือไพ่ทั้งสองใบรวมกันเป็น 8 หรือ 9 จะเรียกว่า “นึกเข้า” (Natural) และจบเกม
ถ้าผู้เล่นหรือแบงค์เกอร์ได้รับไพ่เพิ่มเป็น 6-7 จะต้องยืน (Stand) ไม่รับไพ่เพิ่ม
ถ้าผู้เล่นได้รับไพ่เพิ่มเป็น 0-5 จะต้องรับไพ่เพิ่ม (Hit) โดยแบงค์เกอร์จะตัดสินใจเรียกไพ่ให้ผู้เล่นรับเพิ่มหรือไม่ โดยใช้กฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
การเดิมพันในเกมบาคาร่าเป็นเรื่องง่ายและเข้าใจง่าย มีตัวเลือกให้เลือกเพียง 3 แบบ ได้แก่:
การเดิมพันผู้เล่น (Player): ทางเลือกที่เดิมพันว่าจะมีการชนะของผู้เล่น
การเดิมพันแบงค์เกอร์ (Banker): ทางเลือกที่เดิมพันว่าจะมีการชนะของแบงค์เกอร์
การเดิมพันตัวเอง (Tie): ทางเลือกที่เดิมพันว่าจะเกิดเหตุการณ์เสมอกันระหว่างผู้เล่นและแบงค์เกอร์
ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันในแต่ละรอบได้หลายสูตร และการชนะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยมักใช้กฎการตัดสินใจตามตารางที่สร้างขึ้นเพื่อวิเคราะห์และเลือกเดิมพันที่เป็นไปได้ที่สุด
ทางเลือกเดิมพันในเกมบาคาร่าจะมีราคาต่างกัน ดังนี้:
เดิมพันผู้เล่น (Player): เดิมพันในแบบนี้จะมีอัตราการจ่ายเท่ากับ 1:1 หรือ ถ้าชนะจะได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินที่เดิมพัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้เล่นชนะจากการเดิมพันแบบนี้ จะมีการหักค่าคอมมิชชั่นประมาณ 5% จากยอดรางวัล
เดิมพันแบงค์เกอร์ (Banker): เดิมพันในแบบนี้จะมีอัตราการจ่ายเท่ากับ 1:1 หรือ ถ้าชนะจะได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินที่เดิมพัน อย่างไรก็ตาม เดิมพันแบงค์เกอร์จะมีการหักค่าคอมมิชชั่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเจ้ามือหรือคาสิโนที่คุณเล่น
เดิมพันตัวเอง (Tie): เดิมพันในแบบนี้จะมีอัตราการจ่ายที่สูงกว่า เท่ากับ 8:1 หรือ 9:1 ซึ่งหมายความว่าถ้าชนะจะได้รับเงินเท่ากับ 8 เท่าหรือ 9 เท่าของจำนวนเงินที่เดิมพัน แต่การเดิมพันแบบนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยกว่าการเดิมพันผู้เล่นและแบงค์เกอร์ จึงมักเป็นทางเลือกที่น้อยคนเลือกใช้
การวางเดิมพันในเกมบาคาร่าเป็นเรื่องของความสนุกและการเสี่ยงโชค การเลือกเดิมพันที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการวิเคราะห์ของคุณ แต่อย่าลืมว่าผลการเล่นบาคาร่าจะขึ้นอยู่กับการสุ่มและโอกาส และไม่มีวิธีการที่แน่นอนในการชนะทุกครั้ง
บทความจากเว็บไซค์ milfgilf.net